ความพ่ายแพ้ที่ไม่พังทลายแบบ If you want Hostel Sukhothai
ถ้าความพ่ายแพ้คือจุดจบ เราคงไม่ได้มีโอกาสเห็นหลายๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ If you want Hostel Sukhothai เป็นอีกแบรนด์ที่พยายามพิสูจน์ว่า เมื่อธุรกิจพังทลายลง คุณค่าที่เคยได้พยายามสร้างไว้ จะสามารถคงอยู่ต่อไปได้จริงๆ (หรือไม่)

“ทุกแบรนด์ที่เราทำ เราไม่ได้ทำในนามนักธุรกิจ เราเพียงแต่สร้างธุรกิจเพื่อสื่อสารคุณค่าสู่ผู้คน” เราเชื่อในประโยคนี้มาตลอดการทำงานหลายปี เราสร้างธุรกิจหนึ่งๆ ขึ้นเพื่อสื่อสารบางอย่าง และเป็น “บางอย่าง” นั้นเองที่ช่วยหล่อเลี้ยงทั้งปากท้อง ชีวิต จิตวิญญาณและสร้างประโยชน์แบบที่เราทำได้ไปในเวลาเดียวกัน
If you want Hostel Sukhothai เป็นธุรกิจโฮสเทลที่ตั้งอยู่ ณ จังหวัดสุโขทัย ดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก เมืองหลวงแห่งแรก “อารยธรรมแห่งความสุข” ก่อนที่จะมาเป็นประเทศไทยอย่างทุกวันนี้
เหมือนกับอีกหลายๆ ธุรกิจที่พักทั่วประเทศ วิกฤติการระบาดของโควิด 19 ทำให้ระบบการท่องเที่ยวทั้งโลกพังทลายลง โฮสเทลของเราก็เป็นหนึ่งในอีกร้อยพันธุรกิจที่ในที่สุดแล้วก็… ไม่ได้ไปต่อ

>>> กลิ่นของดินก่อนพายุลูกใหญ่
ทุกครั้งก่อนที่พายุฝนจะกระหน่ำ เราจะได้กลิ่นของดินชุ่มฝนมาแต่ไกล เป็นสัญญาณเตือนให้เราเตรียมพร้อมรับมือ อาจเป็นเพียงฝนโปรยปราย ฝนไล่ช้าง หรือกระทั่งพายุใหญ่พัดโหดกระหน่ำ
จำได้ว่าวันนั้นเราอยู่ที่ศรีราชา ชลบุรี หลังจากข่าวการแพร่กระจายของโควิดสะพัดไปทั่ว บ้างก็ว่าโรคระบาดนี้ไกลตัว บ้างว่าอยู่กับเราไม่นานก็จางหาย บ้างว่าเป็นเพียงโรคกระจอกที่รับมือได้ในชั่วพริบตา ตอนนั้นเราสองคนคุยกันว่า อย่างไรเสียก็คิดไว้เผื่อสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ยิ่งเราคิดต่อเป็นวงจรกว้างใหญ่ออกไปเท่าไร ก็ไม่มีวีแววของความอยู่รอดให้เห็นในเส้นทางเอาเสียเลย
การคาดการณ์ถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุด อาจเป็นหนึ่งในภูมิคุ้มกันที่เรามี เมื่อถึงวันที่เหตุการณ์เลวร้ายลงจริงๆ โควิดทำให้เรื่องราวทุกอย่างพังทลายในพริบตา ไม่ต้องพูดถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะวิกฤตินี้เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ต้องพูดถึงการเดินทาง สายการบินถูกปิดตาย แค่จะพูดถึงการท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้น ผู้คนก็ไม่มีอารมณ์จะหาความสุขบนกองศพที่เห็นจากภาพข่าวทุกเมื่อเชื่อวัน

>>> เมืองกลาง (ๆ)
If you want Hostel เราเองอยู่ในประเภทธุรกิจที่ทำงานกับนักเดินทางต่างชาติมาโดยตลอด ในเมื่อกลุ่มเป้าหมายอันดับ 1 ตลอดการอย่างนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกตัดออกจากสารบบ นักท่องเที่ยวในประเทศเองก็มองว่าสุโขทัยเป็น “เมืองกลางๆ” ที่ไม่มีอยู่ในลิสต์รายชื่อทริปสุดสัปดาห์ด้วยซ้ำ
ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์เอง สุโขทัยเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางของถนนเส้นคู่ขนาน จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เชียงราย น่าน จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว สุโขทัยไม่ใช่แม้แต่เมืองทางผ่าน ถนนทุกเส้น “ไม่ผ่านสุโขทัย” การเดินทางมาเที่ยวบ้านเรา สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นได้ล้วนต้องเกิดจาก ”ความตั้งใจ” เพียงอย่างเดียว
ความโหดร้ายจากการพึ่งพึงการท่องเที่ยวและเหตุผลที่ไม่มีการวางจุดยืนเมือง เมื่อเกิดวิกฤติก็ย่อมสาหัสกว่าที่อื่น ยังไม่ต้องคิดไกลไปถึงรายได้ผลกำไร แค่คิดเรื่องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าตึก ค่าจัดการต่างๆ ของกิจการ ก็มองไม่เห็นทางไปต่อแล้ว เป็นเหตุผลที่เราคิดกันตั้งแต่ตอนนั้นว่าทางรอดเดียวของเราคือ… ปิดกิจการ

>>> แค่เพียงหางตาก็ไม่อยากมอง
ใครไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบที่เราเผชิญ คงยากต่อการเข้าใจ If you want Hostel ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมากับมือ แต่มันคือสื่อกลางในการสื่อสารคุณค่าที่เราพยายามส่งต่อสู่ผู้คน
นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก เข้ามาทำความรู้จักสุโขทัย ได้ค้นพบคุณค่าในตัวเอง บางสิ่งบางอย่างในตัวเขา ที่แม้จะดูเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ก็สามารถเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้
แม้กระทั่งใครที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำตัวเป็นประโยชน์มากกว่าแค่ได้มาท่องเที่ยวอย่างไร เพียงแค่ใช้ภาษาที่เขาสื่อสารอยู่ทุกวัน เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลองฝึกภาษาที่โรงเรียนในโปรเจค Culture Exchange ก็จะได้เห็นแววตาของเด็กๆ ได้ความสนุก ความอบอุ่น ความสุขใจ การสัมผัสสิ่งนั้นด้วยตัวเอง ก็มากเกินกว่าคุณค่าใดๆ
ส่วนนักเดินทางท่านใดคิดไม่ออก ก็แค่ออกแรงเดินชมเมือง พร้อมกับเก็บขยะไปกับเราในโปรเจค Clean Walk คนไทย คนท้องถิ่น เห็นฝรั่งเดินงกๆ ไล่ตามเก็บขยะในบ้านเมืองตัวเอง ไม่สะท้อนเข้าไปถึงหัวใจก็ให้มันรู้ไป
ตั้งแต่วันที่เราขนของออกจากตึก จากนั้นมาเราไม่เคยอยากกลับไปที่แห่งนั้นอีกเลย ใช้ถนนยังต้องเลี่ยงสาย แม้แต่จะชายตามองยังไม่อยาก เพราะความทรงจำมันอัดแน่นอยู่นั้นมากมายเสียเหลือเกิน เป็นความเจ็บปวดที่ต้องแลกมาเพื่อความอยู่รอด
ความโชคดีของเราคือ ในระหว่างที่ทำโฮสเทล เรายังคงทำธุรกิจร้านอาหารที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมควบคู่ไปด้วย เมื่อตัดสินใจยุติ If you want Hostel ทำให้ Rush Lush Craft Café ขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักของเราแทนที่

>>> รัตน์ รัตน์ คราฟท์ คาเฟ่
“เราไม่ได้ปรุงอาหารรสเลิศ เราเพียงแต่นำวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงเป็นอาหาร” นี่คือพื้นฐานเรื่องราวที่อยากสื่อสารด้วยแบรนด์ Rush Lush Craft Café วัตถุดิบจากชุมชนที่เราได้ทำความรู้จัก ทั้งในท้องถิ่นสุโขทัย รวมไปถึงชุมชนในจังหวัดต่างๆ ถูกนำมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านจานอาหาร
ร้านเรากลายเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศ ผู้คนเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อได้มาลิ้มลองอาหารจากร้านเรา เกษตรกร ชุมชน ได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านอาหาร ผู้คนที่ได้สัมผัสเรา ได้เข้าใจคุณค่าการดำรงอยู่ของรากเหง้าวัฒนธรรม วิถีชีวิตผ่านจากอาหาร ทุกอย่างเหมือนเป็นไปได้สวย จนกระทั่งเกือบหนึ่งปีผ่านไป โควิดระลอกใหม่ทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้าน การเดินทางข้ามจังหวัดถูกจำกัด ทุกคนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะออกเดินทางหรือแม้แต่จะใช้ชีวิตแบบปกติอีกต่อไป
9 เมษายน 2564 เป็นวันสุดท้ายที่ รัตน์ รัตน์ คราฟท์ คาเฟ่ เปิดหน้าร้านแบบซื้อกลับบ้าน หลังจากนั้นร้านเราเลือกปิดตัวเองชั่วคราว เพราะการระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง กลายพันธุ์ และแพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว

>>> แก่นกลางที่ไม่เคยจางหาย
ตอนเราทำโฮสเทล สิ่งที่เรามีคือ กองกำลังนักเดินทางจากทั่วโลกพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายของพวกเขา กลายมาเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับคนท้องถิ่น ได้มีโอกาสเปิดโลกเรียนรู้จากนักเดินทาง พร้อมๆ ไปกับการฝึกภาษากับเจ้าของภาษาตัวเป็นๆ
ตอนเราทำคาเฟ่เราเป็นสื่อกลางระหว่างเกษตรกร ชุมชน และผู้คนที่ได้รับคุณค่าการดำรงอยู่ของพวกเขาผ่านจานอาหาร ในระหว่างนั้นเองงานที่เราทำควบคู่มาอยู่เสมอคือการทำงานพัฒนาบ้านของเราคือสุโขทัย
แก่นกลางที่ไม่เคยหายคือ “เราจะเป็นประโยชน์ให้ผู้อื่นได้อย่างไร”
การปิดหน้าร้านชั่วคราวทำให้เรามีเวลามากพอที่จะได้ลงลึกกับการหาคำตอบว่า เราจะเป็นประโยชน์ให้ผู้อื่นได้อย่างไร พร้อมๆ ไปกับการหารายได้เลี้ยงตัว จากสถานการณ์โควิดที่ทำให้ทุกคนอยู่บ้านมากขึ้น สินค้าถูกยึดโยงเข้าสู่ตลาดออนไลน์พร้อมกับการขนส่งที่ขยายตัวอย่างมหาศาลภายในเวลาอันสั้น สิ่งที่เราคิดคือ แล้วขยะที่เกิดจากการขนส่งเหล่านั้นหล่ะ
>>> กล้วยช่วยโลก
“เทคโนโลยี้นั้นโดยหลักการ คือการทำให้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดเป็นสิ่งที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นเทคโนโลยีที่ดี ที่สมบูรณ์แบบ จึงควรจะสร้างสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า และมีความสูญเปล่าหรือความเสียหายเกิดขึ้นน้อยที่สุด แม้แต่สิ่งที่เป็นของเสีย เป็นของเหลือทิ้งแล้ว ก็ควรจะได้ใช้เทคโนโลยีแปรสภาพ ให้เป็นของใช้ได้” พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ณ อาคารใหม่สวนอัมพร วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2522
จากพระบรมราโชวาทนี้เองที่ทำให้เราคิดเปลี่ยนเศษก้านกล้วยแห้งคาต้นในสวนกล้วย ให้กลายมาเป็นก้านกล้วยกันกระแทกทดแทนการใช้พลาสติก เริ่มจากเกษตรกรที่สร้างผลผลิตปลอดสารเคมีให้กับเรา เก่ง ภูมิปณต มะวาฬ แห่ง Ricebird Organic Farm กลายมาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจใหม่ของเราที่ใช้ชื่อว่า “กล้วยช่วยโลก” ร่วมกับ กู๊ด ธนาวุฒิ สุภังครัตน์ นักออกแบบการท่องเที่ยวชุมชน แห่ง สยามร้ายทราเวล ด้วยแนวคิด เปลี่ยนก้านกล้วยแห้งในสวน ให้กลายเป็นวัสดุกันกระแทกทดแทนการใช้พลาสติกในการขนส่งสินค้า โดยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแบรนด์นี้คือ ทำอย่างไรจะแก้ปัญหา ไปพร้อมกับสร้างรายได้ให้ชุมชนด้วยสิ่งที่พวกเขามี นั่นเป็นเหตุผลที่สยามร้ายทราเวล เข้ามาช่วยเราพัฒนาสินค้านี้เพื่อสร้างคุณค่าให้ชุมชนไปพร้อมๆ กัน
ภาพของคนเฒ่าคนแก่ นั่งตัดก้านกล้วยแห้งใต้ถุนบ้าน หลังจากวัยรุ่นหนุ่มสาวในชุมชนเข้าสวนริดใบกล้วยมาให้ ช่วยสร้างคุณค่าการมีอยู่ แก้เหงา เป็นอีกช่องทางแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนหลังจากวางแผนงานร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน จากก้านกล้วยแห้งบนต้น แห้งตายไร้ความหมาย กลายเป็นรายได้จากธรรมชาติที่ไม่ต้องดิ้นรนในชุมชนที่มีกล้วยทุกบ้าน นี่คือภาพฝันของเรา กล้วยช่วยโลก
>>> ลิ้มรสให้รู้ราก
ในเวลาเดียวกัน การทำงานกับชุมชนปกาเกอญอร่วมกับ จัมป์ ณัฐดนัย ตระการศุภกร แห่ง Little Farm in Big Forest แบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่าวิถีคนอยู่ร่วมกับป่าแบบปกาเกอญอ ผ่านสินค้าปลอดสารเคมีจากชุมชน “สุกงอม” พอที่เราจะพัฒนาอีกธุรกิจ เป็นแบรนด์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษา สืบสาน และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณค่าของรากเหง้าวิถีชีวิตวัฒนธรรมได้คงอยู่สืบไปรุ่นต่อรุ่นผ่านชื่อ “Taste From The Root ลิ้มรสให้รู้ราก”

โดยมีทั้งการทำงานร่วมกับชุมชนผสมผสานสมัยก่อนกับสมัยใหม่ ออกมาเป็นสินค้าที่คนรุ่นใหม่เข้าถึง เข้าใจ มากขึ้นอย่างเช่น แครกเกอร์ข้าวไร่หมุนเวียน ที่ถ่ายทอดเรื่องข้าวและวัตถุดิบอันหลากหลายในไร่ของคนปกาเกอญอ
สินค้าที่ช่วยรักษาภูมิปัญญาของผู้รู้ในชุมชน ที่มีจุดยึดโยงกันอย่างอัศจรรย์ อย่างน้ำผึ้งป่าหมักสมุนไพรของพ่อหลวงบ้านปกาเกอญอและน้ำผึ้งป่าหมักพืชพื้นบ้าน ของผู้เฒ่าผู้แก่ที่สุโขทัย
สินค้าที่ช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้ชุมชนให้เกิดความภาคภูมิใจและกลับมาเห็นคุณค่าของที่มีในชุมชนอีกครั้ง อย่างการลงลึกไปถึงรากของน้ำปลาสุโขทัย วิถีลูกแม่น้ำของน้าพิศ นักหาปลาแห่งลุ่มน้ำยมที่ตกทอดภูมิปัญญาแบบสุโขทัยมาเป็นรุ่นที่สาม กระบวนการทำน้ำปลาแท้จากปลาสร้อยน้ำยม ที่กำลังจะตายไปพร้อมน้านวลเพราะไม่มีคนรุ่นใหม่สืบทอด
ทั้งสองแบรนด์ที่เกิดขึ้นมา เป็นเหมือนสิ่งสะท้อนกับคำพูดที่เรายึดถือมาโดยตลอดที่ว่า “ทุกแบรนด์ที่เราทำ เราไม่ได้ทำในนามนักธุรกิจ เราเพียงแต่สร้างธุรกิจเพื่อสื่อสารคุณค่าสู่ผู้คน”

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิกฤติโควิด การท่องเที่ยว ปัญหาเศรษฐกิจ ความพ่ายแพ้ต่อโลกธุรกิจที่ If you want Hostel Sukhothai ต้องเผชิญ สำหรับเราที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ในแง่มุมของคนทำแบรนด์ มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยถอยลง
สิ่งที่เราพูดได้เต็มปากไม่ว่าเราจะถูกถ่ายเท โอนย้ายไปอยู่ในชื่อไหน แบรนด์ใด แก่นกลางที่เป็นเหตุผลของการมีชีวิตของเราจะปรับสภาพ แปรผันไปตามเงื่อนไข กาลเวลาและสถานการณ์ได้อยู่เสมอ
ยากมากที่เราจะตอบได้ว่า ถ้าไม่มีวิกฤติโควิด 19 If you want Hostel Sukhothai จะยังคงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ (ส่วนตัวเราคิดว่าอยู่ต่อได้แน่ๆ) ต่อให้เราพ่ายแพ้ให้กับวิกฤติครั้งนี้ แต่ความตั้งใจที่จะสื่อสารคุณค่าที่เรารู้ว่ามีอยู่ในตัว จะไม่มีวันพังทลายลงไปอย่างแน่นอน
:::
พอแล้วดี The Creator : ปริวัฒน์ วิเชียรโชติ (แน็ค), สุรีรัตน์ กลิ่นขจร (รัตน์)
ธุรกิจ : If you want Hostel Sukhothai