ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง ตอน 4 ขั้นพื้นฐาน

ทฤษฏีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง ตอน 4 ขั้นพื้นฐาน

ศาสตร์ของพระราชา เพื่อความมั่นคง และความสุขอย่างยั่งยืน

          ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง คือแนวความคิดที่พัฒนามาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขให้รอดพ้นจากปัญหาความยากจน และสามารถใช้ชีวิตในการดำรงชีพอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ รวมถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต 4 ขั้นแรกของทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง คือ 4 พื้นฐาน 4 ความพอ ได้แก่ พออยู่ พอกิน พอใช้ พอมีอากาศหายใจร่มเย็นสบาย สภาพแวดล้อมน่าอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ

ขั้นที่ 1 พอกิน

ขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีความต้องการในปัจจัย 4 ในการดำรงชีพ และประการสำคัญที่สุดของปัจจัย 4 คือ อาหาร ดังนั้นขั้นที่ 1 ของแนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือ ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า “ทำอย่างไรจึงจะพอกิน” โดยให้ความสำคัญกับ ข้าวปลาอาหาร มากกว่าความสำคัญของมูลค่าตัวเงิน ซึ่งเป็นเพียงแค่ “ตัวกลาง” ในการแลกเปลี่ยนตามมาตรฐานสากลเท่านั้น ตามคำที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง” การเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้โดยไม่ใช้เงิน มีอาหารพอมี พอกิน ด้วยการปลูกพืช ผัก ผลไม้ ให้พอมีพอกินโดยไม่ขัดสน เหลือจึงนำไปขายสร้างกำไรให้แก่ตนเอง นอกจากนี้หัวใจสำคัญของ “พอกิน” ยังมีความหมายรวมไปถึงความปลอดภัยในอาหารการกินว่ากินอย่างไรให้มีสุขภาพดี ไม่สะสมเอาความเจ็บไข้ได้ป่วยไว้ในร่างกาย ทั้งหมดนี้คือความหมายของบันไดขั้นที่ 1 ที่ทุกคนในสังคม ไม่ใช่เพียงแต่เกษตรกรควรคิดคำนึง และต้องก้าวข้ามไปให้ได้

ขั้นที่ 2-4 พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น

บันไดขั้นที่ 2-4 คือ พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน ด้วยคำตอบเดียวที่ว่า “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ซึ่งป่าทั้ง 3 อย่างจะให้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สมุนไพรสำหรับรักษาโรค และทรัพยากรธรรมชาติสำหรับทำบ้านพักที่อยู่อาศัย รวมถึงให้ความร่มเย็นแก่บ้าน ชุมชน และโลกใบนี้ หรือแม้แต่การประยุกต์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุด เช่น ใช้จุลินทรีย์ผสมน้ำถูพื้นบ้านที่ให้ความสะอาดกว่าใช้น้ำยาเคมี มิหนำซ้ำยังช่วยลดรายจ่าย สร้างสุขภาพจะดีขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความยากจนให้แก่คนในสังคมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเกษตรกรไทย จากการได้ลองใช้หลักการเหล่านี้ในชีวิตประจำวันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าแก้ปัญหาได้จริง และยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาหนี้สินซึ่งสะสมพอกพูนจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ปัญหาความขาดแคลนน้ำ ภัยแล้ง ทั้งหมดล้วนแก้ไขได้จากแนวคิดป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดช

ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คำว่า ‘ พอ ’ ในความหมายของ การพออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ จนทำให้ชีวิตต้องประสบกับปัญหา