คิดแล้วลงมือทำ
จากวิชาความรู้ร่ำเรียนมาทางกายภาพบำบัด ทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลเอกชน ประจำในห้องไอซียู ซึ่งคนไข้ที่อยู่ในห้องนี้หลายคนเหมือนคนนอนหลับ นักกายภาพฯจะรู้ว่า คนไข้จะต้องถูกจัดท่านอนให้เพื่อป้องกันการหดเกร็งกล้ามเนื้อ หรือป้องกันแผลกดทับ ซึ่งหลังจากทำงานที่โรงพยาบาลก็ออกมาทำงานเองโดยทำหน้าที่เดิมในบ้านคนป่วย ซึ่งการจัดท่านอนแบบที่นักกายภาพทำจะต้องมีคนช่วย ซึ่งผู้นอนไม่สามารถจัดท่านอนด้วยตัวเองเพราะต้องใช้หมอนหลายใบ และก็เป็นที่ให้ชวกิจทำหมอนขึ้นมา 1 ใบ เรียกว่า “หมอนหมายเลข 9”
“หมอนหมายเลข 9” จะช่วยให้ผู้นอนจัดท่านอนตัวเองได้ตามหลักขอตัวเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครมาจัดให้ ก็สามารถจัดท่านอนของตัวเองได้ด้วยตัวเอง เลยเป็นที่มาของธุรกิจ Mr.Big เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

กระบวนการมีส่วนร่วม
เมื่อเริ่มเป็นธุรกิจก็พบว่ามีคนต้องการใช้นักกายภาพฯมากมาย ทั้งที่มาจากเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงการรักษาสุขภาพท่านอนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาในโรงพยาบาลทำงานกับคนไข้ 8 คน/วัน แต่เมื่อออกมาทำหมอนขายในฐานะนักกายภาพฯ เจอคนนับ 20-30 คน ถ้าออกงานแสดงสินค้าเจอคนเป็นร้อย จึงคิดคิดว่าบทบาทนักกายภาพบำบัดควรมีกระการมีส่วนร่วม มีคนทำเยอะขึ้น เพราะคนไข้เราอยู่นอกโรงพยาบาลเต็มไปหมด เพราะเวลาเจอคนต่างๆ ก็จะบอกว่า ปวดตรงนั้น ปวดตรงนี้ ต้องนอนท่าไหน ซึ่งทุกคนกล้าคุยเพราะเราบอกว่า เป็นนักกายภาพบำบัด และแนะว่าควรจะทำอย่างไร ถึงตรงนี้คิดว่าเราไม่ได้รักษาปลายทาง แต่ได้ส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้คนทั่วไป

คิดถึงแบรนด์ Mr.Big
เครื่องนอนที่เหมาะกับสรีระของผู้ใช้รวมถึงท่านอนที่จะช่วยนอนสบาย โดยจะแนะนำให้เลือกด้วย น้ำหนัก ส่วนสูง และท่านอน โดย 3 ปัจจัยใช้คำนวนและทดสอบ ซึ่งน้ำหนักและส่วนสูงจะบอกสัดส่วน แต่ท่านอนจะเพิเศษ เพราะคนที่น้ำหนักเท่ากันแต่ท่านอนแตกต่างกัน จะมีผลต่อขนาดและความหนาของหมอนด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องการชดเชยข้อต่อ ไหล่ อีกด้วย ซึ่งในการเลือกหมอน 1 ใบมีรายละเอียดมาก เช่นบางคนบอกว่าชอบหมอนแบบโรงแรมนุ่ม ๆ แต่เมื่อนำกลับมาใช้จริงที่บ้านจะไม่ได้ความรู้สึกแบบนั้น แต่ Mr.Big จะไม่ใช่แบบนั้น
“เห็นคุณค่าตัวเองว่ามีประโยชน์ต่อคนอื่นที่เขาด้อยโอกาส จึงเป็นการตอบเป้าหมายชีวิต เราทำธุรกิจเพื่อให้ตัวเรา พนักงานเรา ครอบครัวเราทุกคนอยู่ได้ และได้ใช้ความรู้เราช่วยเหลือคน และคนด้อยโอกาส ผมรู้สึกปิติ อิ่มใจ”

คำสอนในหลวง ร.9 ที่พึงระลึก
การทำความดีในหลวงรัชกาลที่บอกว่ายาก แต่ถ้าไม่มีความเพียรที่จะทำ ความชั่วจะเข้ามาแทนที่ ซึ่ง 7 ปีที่ผ่านมาของ Mr.Big ตอบเรื่องนี้จริงๆ เราเริ่มต้นธุรกิจด้วยความตั้งที่จะทำดี ซึ่งจะเป็นความภาคภูมิใจ

ในฐานะพอแล้วดีรุ่น4
เมื่อก่อนเรามักจะคิดว่า รอให้เรามีก่อนเถอะ ค่อยช่วยคนอื่น แต่ความเป็นจริงคือเราเริ่มต้นคิดและลงมือทำได้เลย อาจจะไม่ได้อยู่ในรูปการช่วยเหลือ แต่เป็นการแบ่งปันความรู้เฉพาะด้าน เราถนัดอะไร ดูที่ตัวเรา อาจจะไม่ใช่เรื่องเงิน เรามีแรงก็ช่วยด้วยแรง มีเวลาช่วยด้วยเวลา มีสติปัญญาช่วยด้วยสติปัญญา ทุกคนมีโอกาสช่วยเหลือคนอื่น ทำให้สังคมเราน่าอยู่ ซึ่งโครงการพอแล้วดี เป็นคอร์สที่สอนให้ทำธุรกิจแบบยกระดับจิตใจ