“จากเศษเหล็กที่ดูเหมือนไม่มีมูลค่า สู่ “เศษวิเศษ” ที่เป็นศิลปะอันทรงคุณค่า”
ปิ่น เจ้าของแบรนด์ PiN ธุรกิจผลิตงานศิลปะประดับตกแต่งที่ทำจากโลหะเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม มีแนวคิดในการชุบชีวิตใหม่ให้เศษโลหะอย่างสร้างสรรค์ จากการสร้างสมดุลระหว่างกิจการโรงงานผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของครอบครัว กับความหลงใหลในการทำงานออกแบบของปิ่นเอง จนเกิดเป็นการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับเศษวัสดุเหลือใช้อย่างสูงสุด อีกทั้งมีการแบ่งปันสิ่งดี ๆ สู่สังคม ทั้งในด้านการกระจายรายได้และการยกระดับจิตใจของคนในชุมชน
ชื่อ : ศรุตา เกียรติภาคภูมิ (ปิ่น)
ธุรกิจ : PiN
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร
ที่มาของการสร้างสรรค์งานศิลปะจากเศษเหล็ก
เนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจโรงงานผลิตอุปกรณ์จากเหล็ก ทั้งลูกล้อ บานเลื่อน บานสวิง และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ทำให้เกิดเศษเหล็กเหลือใช้ทิ้งเป็นจำนวนมาก เมื่อได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในด้านศิลปะ และได้เรียนวิชา Art Environmental ซึ่งต้องทำงานศิลปะที่สื่อถึงมลภาวะรอบตัว จึงได้เลือกปัญหาเสียงจากเครื่องจักรในโรงงานที่ตัวเองเกลียดจนฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ถ่ายทอดผ่านชิ้นงานโดยใช้เศษเหล็กจากในโรงงานมาประกอบเป็นบ้านที่มีตุ๊กตา 3 ตัว ซึ่งสื่อถึงตัวเองและพี่น้องกำลังร้องไห้อยู่ในนั้น จนมาถึงวิทยานิพนธ์ก็ได้เลือกทำชิ้นงานที่ถ่ายทอดถึงชีวิตคนงานในโรงงาน ประกอบกับการได้ฟังคำสอนของคุณพ่อที่ว่า หากไม่มีเขาก็ไม่มีเรา และการได้เห็นภาพคนงานที่กำลังทำงานในโรงงานเพื่อเลี้ยงชีวิต ตั้งแต่นั้นมา เสียงของเครื่องจักรที่โรงงานในมุมมองของปิ่นก็ไพเราะขึ้นกว่าเดิม เพราะเสียงเหล่านั้นเปรียบเสมือนลมหายใจของคนงาน ที่คอยหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตอยู่ได้
จุดเริ่มต้นของการเห็น “คุณค่า” ที่แฝงมากับเศษเหล็ก
เมื่อเรียนจบแล้ว เพื่อนได้ถามว่าจะไปทำอะไรต่อ ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน เพื่อนจึงได้เตือนสติว่า ถ้าคิดจะกลับไปช่วยงานที่บ้านแต่ไม่ได้ใช้วิชาศิลปะที่เรียนมาพัฒนางานให้ดีขึ้น ก็ไม่รู้จะเรียนมาทำไม เมื่อได้ยินดังนั้น จึงได้คิดหาทางที่จะผสมผสานระหว่างความรู้ทางศิลปะที่เรียนมากับธุรกิจของที่บ้าน ในวันที่ PiN ถือกำเนิดขึ้น ปิ่นขอเพียงเศษเหล็กในโรงงานและคนงาน 1 คน จากคุณพ่อ โดยเริ่มจากการทำของชิ้นเล็ก ๆ ไปวางขายตามงานของทำมือ และได้พัฒนาฝีมือและองค์ความรู้มาเรื่อย ๆ จนเป็นของชิ้นที่ใหญ่ที่ได้วางแสดงตามงานแสดงสินค้าในระดับประเทศ
ก้าวยิ่งใหญ่ที่เป็นความภูมิใจ ใน “เศษวิเศษ” ของปิ่น
จากงานศิลปะจากเศษเหล็กชิ้นเล็ก ๆ ปิ่นได้มีการสั่งสมความรู้และประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ สู่แบรนด์ของตกแต่งบ้านที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ จนถึงต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่มีขนาดความสูงเท่าตึกหลายชั้น ตั้งอยู่กลางลานสยามดิสคัพเวอรี่ ซึ่งเมื่อต้องมีการผลิตงานชิ้นที่ใหญ่ขึ้น ปิ่นก็ได้มีการวางแผนการผลิตควบคู่ไปกับโรงงานของคุณพ่อ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นความภูมิใจของปิ่นนอกเหนือจากชิ้นงาน ก็คือการที่ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในโรงงานที่ดีขึ้น ได้เห็นความสุขของคนงานในโรงงาน และการได้กระจายงานออกสู่ชุมชนใกล้เคียง
คำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พึงระลึกอยู่เสมอ
พระบรมราโชวาทที่ปิ่นพึงระลึกอยู่เสมอในเวลาทำงานคือ ”…เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ ควรเต็มใจ ทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริง ๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมี ความเอาใจใส่ มีความขยันและซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น…” จากพระบรมราโชวาท ที่ระลึกถึงเป็นเครื่องเตือนใจเสมอ เมื่อที่ได้รับงานที่ยากขึ้น หนักมากขึ้นงานเหล่านั้น เป็นโอกาสของเราที่เหมือนเครื่องวัดศักยภาพและความสามารถของเราที่จะพิสูจน์ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของชีวิตและการทำงาน เราจึงไม่ควรตั้งข้อแม้ใด ๆ เมื่อเจอความยากลำบาก เพราะนั้นคือ หนทางของความเจริญก้าวหน้า
สิ่งที่อยากฝากไว้ในฐานะ พอแล้วดี The Creator รุ่น 2
ขอขอบพระคุณโครงการ พอแล้วดี พี่หนุ่ย พี่ลูกโป่ง ทีมงานทุกท่าน ที่ ทำให้เกิดโครงการขึ้น เพื่อสืบสานศาสตร์พระราชา ให้ดำรงอยู่และส่งต่อความรู้มาถึง พอแล้วดี The creator ปิ่นจะขอน้อมรับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อตนเอง และผู้อื่นอย่างเต็มกำลังที่มีขอบพระคุณจากหัวใจค่ะ